ก่อนการใช้งาน
1. เช็ดผิวหน้าของก้านคาลิปเปอร์ด้วยน้ำมัน (Order No.207000) ปริมาณเล็กน้อย
2. เลื่อนตัวเลื่อน (Slider) ไปตลอดแนวของก้านคาลิปเปอร์ (Beam) เพื่อตรวจสอบว่าการเลื่อนเป็นปกติไม่ติดขัด
3. ใส่ถ่านขนาด SR44 (Order No. 938882) โดยให้ขั้วบวกอยู่ด้านบน (Fig.1)
4. ทำความสะอาดปากวัดแล้วเลื่อนปากวัดให้สัมผัสกัน จากนั้นกดปุ่ม ORIGIN เพื่อทำการตั้งศูนย์ (Fig.2)
5. หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลื่อนปากวัดมาชนกันแล้วตรวจสอบดังต่อไปนี้ :
• ปากวัดนอก : ที่อยู่ในสภาพดีจะต้องมองไม่เห็นแสงรอดผ่าน (Fig.3)
• หากผิวหน้าของปากวัดสกปรก หรือเป็นรอย ปากวัดทั้งสองด้านจะไม่สามารถประกบชิดกัน เกิดช่องว่างที่แสงรอดผ่านได้ (Fig.4)
• ปากวัดใน : ที่มีสภาพดีเมื่อประกบกันจะเห็นแสงรอดผ่านได้เล็กน้อย
ระหว่างการใช้งาน
1. ใช้แรงกดที่คงที่ระหว่างทำการวัด และทำการวัดชิ้นงานโดยวางชิ้นงานในใกล้กับโคนของปากวัด (Fig.5)
2. ไม่ควรวัดชิ้นงานในขณะที่ปากวัดเอียง (Fig.6)
หากคาลิปเปอร์ชำรุดเนื่องจากการตก หรือกระแทกอย่างแรง หรือสาเหตุอื่นๆ ห้ามใช้บอร์เกจนั้น และให้ติดต่อกลับบริษัท
ก่อนการใช้งาน
1. เช็ดผิวหน้าของก้านคาลิปเปอร์ด้วยน้ำมัน (Order No.207000) ปริมาณเล็กน้อย
2. เลื่อนตัวเลื่อน (Slider) ไปตลอดแนวของก้านคาลิปเปอร์ (Beam) เพื่อตรวจสอบว่าการเลื่อนเป็นปกติไม่ติดขัด
3. หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลื่อนปากวัดมาชนกันแล้วตรวจสอบดังต่อไปนี้ :
• ปากวัดนอก : ที่อยู่ในสภาพดีจะต้องมองไม่เห็นแสงรอดผ่าน (Fig.1) หากผิวหน้าของปากวัดสกปรก หรือเป็นรอย ปากวัดทั้งสองด้านจะไม่สามารถประกบชิดกัน เกิดช่องว่างที่แสงรอดผ่านได้ (Fig.2)
• ปากวัดใน : ที่มีสภาพดีเมื่อประกบกันจะเห็นแสงรอดผ่านได้เล็กน้อย
• ตรวจสอบค่าที่อ่านได้ที่ตำแหน่งศูนย์ (Fig.3)
ระหว่างการใช้งาน
1. อ่านสเกลของหน้าปัดในแนวตรง (Dial) เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการเหลื่อม (Paeallax Error) ในการอ่านค่า (Fig.4)
2. ใช้แรงกดที่คงที่ระหว่างทำการวัด และทำการวัดชิ้นงานโดยวางชิ้นงานในใกล้กับโคนของปากวัด (Fig.5)
3. ไม่ควรวัดชิ้นงานในขณะที่ปากวัดเอียง (Fig.6)
หากคาลิปเปอร์ชำรุดเนื่องจากการตก หรือกระแทกอย่างแรง หรือสาเหตุอื่นๆ ห้ามใช้บอร์เกจนั้น และให้ติดต่อกลับบริษัท เพื่อทำการซ่อมแซม
ก่อนการใช้งาน
1. เช็ดผิวหน้าของก้านคาลิปเปอร์ด้วยน้ำมัน (Order No.207000) ปริมาณเล็กน้อย
2. เลื่อนตัวเลื่อน (Slider) ไปตลอดแนวของก้านคาลิปเปอร์ (Beam) เพื่อตรวจสอบว่าการเลื่อนเป็นปกติไม่ติดขัด
3. หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลื่อนปากวัดมาชนกันแล้วตรวจสอบดังต่อไปนี้ :
• ปากวัดนอก : ที่อยู่ในสภาพดีจะต้องมองไม่เห็นแสงรอดผ่าน (Fig.1) หากผิวหน้าของปากวัดสกปรก หรือเป็นรอย ปากวัดทั้งสองด้านจะไม่สามารถประกบชิดกัน เกิดช่องว่างที่แสงรอดผ่านได้ (Fig.2)
• ปากวัดใน : ที่มีสภาพดีเมื่อประกบกันจะเห็นแสงรอดผ่านได้เล็กน้อย
• ตรวจสอบค่าที่อ่านได้ที่ตำแหน่งศูนย์ (Fig.3)
ระหว่างการใช้งาน
1. อ่านสเกลของหน้าปัดในแนวตรง (Dial) เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการเหลื่อม (Paeallax Error) ในการอ่านค่า (Fig.4)
2. ใช้แรงกดที่คงที่ระหว่างทำการวัด และทำการวัดชิ้นงานโดยวางชิ้นงานในใกล้กับโคนของปากวัด (Fig.5)
3. ไม่ควรวัดชิ้นงานในขณะที่ปากวัดเอียง (Fig.6)
หากคาลิปเปอร์ชำรุดเนื่องจากการตก หรือกระแทกอย่างแรง หรือสาเหตุอื่นๆ ห้ามใช้บอร์เกจนั้น และให้ติดต่อกลับบริษัท
ก่อนการใช้งาน
1. ตรวจสอบปลอกหมุน (Thimble) ว่าสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่ติดขัด หรือสดุด โดยทำการหมุนปลอกหมุนตลอดช่วงใช้งาน
2. เปลี่ยนถ่านกระดุม (Button cell) แบบ SR44 หากจำเป็น (Order No. 938882)
3. หนีบกระดาษไร้ขนระหว่างแกนรับ (Anvil) และแกนหมุน (Spindle) ลักษระเหมือนทำการวัดความหนา จากนั้นค่อยๆดึงแผ่นกระดาษออก เพื่อเป็นการดึงฝุ่น หรือสิ่งสกปรกออกจากหน้าสัมผัส (Measuring face)
4. เลื่อนหน้าสัมผัสให้ชนกันอย่างช้าๆ :
• หมุนที่ก้านตัดแรง (Ractchet stop) 1.5-2 รอบ ประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อทดสอบตำแหน่งศูนย์ *(Zero-point check)
หากมีแรงกระทำที่แกนรับมากไปจะส่งผลต่อค่าความถูกต้องของไมโครมิเตอร์ได้
5. เมื่อทำการปิดฝาครอบช่องต่อสัญญาณ และฝาแบตเตอรี่ ควรระมัดระวังไม่ให้ฝาปิดกดทับซีลยาง
ระหว่างการใช้งาน
1. ห้ามหมุนแกนหมุนออกให้ห่างกันเกินระยะมากสุดของช่วงการวัด เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ ดิจิตอลไมโครมิเตอร์บางรุ่นได้
2. หากมีความผิดพลาก หรือการอ่านค่าที่ผิดปกติให้ถอดแบตเตอรี่ออก แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
ก่อนการใช้งาน
1. ตรวจสอบปลอกหมุน (Thimble) ว่าสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่ติดขัด หรือสดุด โดยทำการหมุนปลอกหมุนตลอดช่วงใช้งาน
2. หนีบกระดาษไร้ขนระหว่างแกนรับ (Anvil) และแกนหมุน (Spindle) ลักษระเหมือนทำการวัดความหนา จากนั้นค่อยๆดึงแผ่นกระดาษออก เพื่อเป็นการดึงฝุ่น หรือสิ่งสกปรกออกจากหน้าสัมผัส (Measuring face)
3. เลื่อนหน้าสัมผัสให้ชนกันอย่างช้าๆ :
• หมุนที่ก้านตัดแรง (Ractchet stop) 1.5-2 รอบ ประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อทดสอบตำแหน่งศูนย์ *(Zero-point check)
หากมีแรงกระทำที่แกนรับมากไปจะส่งผลต่อค่าความถูกต้องของไมโครมิเตอร์ได้
• ถ้าตำแหน่งศูนย์ไม่ตรงให้ตั้งค่าใหม่โดยการหมุนปลอกใน (Sleeve) ด้วยประแจ โดยเคาะด้ามประแจด้วยค้อนเบาๆ ถ้าจำเป็น
4. เมื่อทำการตั้งค่าตำแหน่งศูนย์ (Zero point) ของไมโครมิเตอร์ขนาดใหญ่ ให้ทำการตั้งค่าในลักษณะเดียวกันกับการวัดงานจริง เพื่อลดค่าความไม่แน่นอนของการวัด อันเนื่องมาจากการบิดตัวโครงสร้าง
ระหว่างการใช้งาน
1. อ่านขีดสเกลในแนวตั้งฉาก เพื่อป้องกันการอ่านที่ผิดพลาดจากการเหลื่อม (Parallac error)
2. ความกว้างของเส้นสเกลแสดงระยะประมาณ
ก่อนการใช้งาน 1. นำฝุ่น หรือสิ่งสกปรกออกจากผิวสัมผัส 2. ตรวจสอบปลอกหมุน (Thimble) ว่าสามารถเคลื่นอที่ได้ ไม่ติดขัดหรือสดุด โดยทำการหมุนปลอกหมุนตลอดช่วงใช้งาน รวมถึงกานวัด (Anvil) ว่าสามารถเคลื่อนที่ได้คล่องตัวไม่ติดขัด หรือสดุด 3. ทำการตั้งค่าเริ่มต้นโดยเทียบกับเกจมาตรฐานที่ผ่านการสอบเทียบ (ถ้าจำเป็น) 4. หากทำการวัดค่าโดยใช้แค่ส่วนปลายของแกนวัด ควรทำการตั้งค่าโดยการใช้ปลายของแกนวัดในตำแหน่งเดียวกัน (Fig. 1) 5. หากมีการเปลี่ยนแปลงหัววัด ค่าความถูกต้องอาจจะเปลี่ยนแปลงได้จากที่ถูกระบุไว้ได้ 6. เมื่อมีสัญญาณ ขึ้นที่หน้าจอให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ SR44 (Order No. 938882) 7. กำหนดค่าตั้งต้น (ค่าสอบเทียบของริงเกจที่ใช้ตั้งค่า (Setting Ring) ในกรณีที่ทำการวัดแบบสัมบูรณ์ (Absolute) 8. เมื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซีลอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง (Fig.2)
ระหว่างการใช้งาน 1. ในการใช้แรงวัด ค่อยๆปรับผิวสัมผัสจนชนชิ้นงานอย่างเบาๆ และค้างไว้ จากนั้นหมุนแกนตัดแรง 5-6 ครั้ง (ให้แกนหมุนไป 2-3 รอบ) เพื่อให้แรงคงที่ (Fig.3) 2. ระวังไม่ให้มีการกระแทกที่ผิวข้างของก้านวัด |
ฉันมักมีปัญหาเศษพันกัน เมื่อใช้ต๊าปเกลียวเลื้อย (SP) กับงานรูทะลุ
รบกวนช่วยแนะนำวิธีแก้ปัญหาด้วยค่ะ
ง่ายมากครับ...
คุณสามารถแก้ปัญหาโดยใช้ต๊าปรูทะลุ (PO) สำหรับงานรูทะลุ
[คำแนะนำ]
ต๊าปเกลียวเลื้อย (SP) มีร่องคายเศษแบบร่องเลื้อยจึงจะขับเศษให้ถอยหลังจากรูทางก้านต๊าปคล้ายดอกสว่าน
ต๊าปเกลียวเลื้อย (SP) จะเหมาะกับรูตัน แต่มักจะเกิดปัญหาเศษพันกัน เมื่อใช้กับวัสดุเหนียว และเป็นรูทะลุ
ต๊าปรูทะลุ (PO) นำเสนอข้อดี เมื่อใช้กับรูทะลุ เพราะต๊าปจะขับเศษออกไปทางด้านหน้าทางปลายแชมเฟอร์ต๊าป โดยต๊าปรูทะลุจะถูกออกแบบให้สามารถขับเศษ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และลดปัญหาเศษพันกัน หรือเศษติดกัน
ขับเศษถอยหลัง
ลักษณะของการขับเศษ เมื่อใช้ต๊าปเกลียวเลื้อย
ควรเลือกต๊าปรูทะลุ (PO)
เพื่อใช้กับงานรูทะลุ
ขับเศษไปข้างหน้า
ลักษณะการขับเศษ เมื่อใช้ต๊าปรูทะลุ (PO)
เราสามารถเลือกต๊าบที่ดีที่สุด ให้เหมาะสมกับเงื่อนไขการต๊าบ และวัสดุชิ้นงานจากรุ่นทั้งหมดด้านล่างได้
*ต๊าบรูทะลุ (PO) สำหรับงานรูทะลุ
PO(N-PO)
LS-PO(LS-N-PO), long shanked
PO-V(N-PO-V),titanium coated
AU+SL, titanium
อะไรคือ ต๊าปเกลียวท่อ PT 15A ???
“15A” เป็นขนาดของท่อเหล็ก โดยเราสามารถตรวจสอบขนาดของ
เกลียวท่อจากการตรวจสอบตารางด้านล่างอิงกับขนาดท่อ
ขนาดของเกลียวเมื่อใช้กับท่อเหล็ก 15A คือ PT1/2-14 (Rc1/2-14)
[คำแนะนำ]
ท่อจะทำด้วยชนิดของวัสดุแตกต่างกันมากมาย เช่น เหล็กชุบกัลวาไนซ์, เหล็กทั่วไป, ทองแดง, เหล็กหล่อ, คอนกรีต และพลาสติก เช่น ABS, PVC, CPVC, โพลีเอทิลีน, โพลียูทีลีน และอื่นๆ
ท่อเวลาเรียกจะถูกกำหนดด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง DN ซึ่งขนาดจริงไม่ได้สะท้อนชื่อเรียกเลย เช่น 2” A ท่อเหล็กชุบกัลวาไนซ์มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านใน 60.5 มิลลิเมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก
66.7 มิลลิเมตรตามตารางด้านล่าง ขนาดของท่อเหล็กจะถูกแสดงด้วยระบบ A ที่เรียกตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง และระบบ B ที่เรียกตามขนาดเกลียวท่อ ส่วนระบบ “B” จะเข้าใจได้ง่ายกว่าที่มีขนาดเกลียวท่อ ส่วนระบบ “A” จะเรียก
ตามขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางนอกท่อขนาด 15A จะถูกแสดงในคอลัมน์ A ตามตารางด้านล่าง และจะมีขนาดเท่ากับเกลียวท่อที่ถูกแสดงใน คอลัมน์ B
โดยมีขนาดเกลียวเป็น PT1/2-14 (Rc1/2-14)
โปรดดูตารางเปรียบเทียบดังต่อไปนี้
ฉันสงสัยว่า ฉันเห็นสัญลักษณ์ 2A หรือ 2B ในแบบงานที่มีขนาดของเกลียว 3/8”-16UNC 2A และ 3/8”-16UNC 2B มันมีความหมายว่าอย่างไร?
สัญลักษณ์พวกนั้นหมายถึง คลาสของการสวมฟิตสำหรับเกลียวนิ้ว ระบบ ยูนิไฟน์ คลาสของยูนิไฟน์จะแสดงในรูปของตัวหนังสือ
และเลขเพื่อบอกค่าเผื่อของเกลียวที่ใช้ในการสวมฟิต
[คำแนะนำ]
ระบบเกลียวนิ้วยูนิไฟน์ แบ่งเป็น 2 ประเภท เกลียวนอกและเกลียวในมีทั้งหมดอย่างละ 3 คลาส
คลาส 1A, 2A, 3A สำหรับเกลียวนอก และคลาส 1B, 2B, 3B สำหรับเกลียวใน
คลาส 1A และ 1B ของเกลียวยูนิไฟน์ จะใช้ในบางโอกาส เช่น ต้องการการประกอบที่เร็ว และง่าย หรือยอมให้มีค่าเผื่อที่กว้างเพื่อสวมง่าย หรือแม้แต่ยอมให้เกลียวไม่ค่อยดี หรือสกปรกเล็กน้อย
คลาส 2A และ 2B ของเกลียวยูนิไฟน์ จะใช้กันโดยทั่วไปในหลากหลายประเภทชิ้นงาน รวมถึง น๊อต, สกรู และของที่คล้ายกับสกรูน็อต
คลาส 3A และ 3B ของเกลียวยูนิไฟน์ จะใช้ในอุตสาหกรรมการบิน, เครื่องบิน หรือการแพทย์, รถแข่ง ที่ต้องการค่าเผื่อสวมฟิตที่แคบขึ้นกว่า 2A, 2B
เกลียว 3/8”-16UNC 2B จะหมายถึง เส้นผ่าศูนย์กลางเกลียวขนาด 3/8” เกลียวหยาบ คลาส 2B ในกรณีที่เห็น
ฉันอยากทราบถึงความแตกต่างของดอกนำศูนย์ CE-S และ CD-S ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรค่ะ
ดอกนำศูนย์รุ่น CE-S มีร่องคายเศษเป็นมุมสูง ที่เหมาะกับการกัดงานเหล็กนิ่ม เหนียว
ดอกนำศูนย์รุ่น CD-S มีร่องคายเศษเป็นมุมต่ำ จะแนะนำให้ใช้กับวัสดุงานที่แข็งขึ้นมา
เพราะรูปร่างคมตัด สามารถทนแรงตัดที่สูงขึ้นได้ครับ
【คำแนะนำ】
ความแตกต่างระหว่าง CE-S และ CD-S จะอยู่ที่รูปร่างของร่องคายเศษ และคุณลักษณะการใช้งานจากการออกแบบแต่ละคมตัด
CE-S ร่องคายเศษมุมสูง
CD-S ร่องคายเศษมุมต่ำ
ดอกนำศูนย์ CE-S เหมาะกับวัสดุนิ่มเหนียว ที่ขับเศษเป็นรูปร่างหมุนเกลียว
ดอกนำศูนย์ CD-S จะเหมาะกับวัสดุที่แข็งขึ้นมา และขับเศษที่ไม่เป็นรูปร่างเกลียว
การเข้าใจในความแตกต่างระหว่าง CE-S และ CD-S จะช่วยให้เราเลือกดอกนำศูนย์ได้เหมาะสมกับชิ้นงานแต่ละชนิดมากขึ้น
CE-S แนะนำให้ใช้กับเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ, เหล็กสแตนเลส, ไททาเนียม, อลูมิเนียม และทองแดง เป็นต้น
CD-S แนะนำให้ใช้กับเหล็กกล้าคาร์บอนสูง, เหล็กกล้าผสม, เหล็กเครื่องมือ, เหล็กหล่อ, เหล็กผสมนิเกิล และทองเหลือง เป็นต้น